การสร้างภาวะอยู่สบายในงานออกแบบสถาปัตยกรรมประเภทอาคารสำนักงานและอาคารพักอาศัย ความสูง 6 ชั้น ภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่ที่มีมลภาวะจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตเสาเข็มคอนกรีต และถนนพหลโยธิน ผลงานออกแบบนี้เป็นการประมวลองค์ความรู้ผสมผสานกันจากหลายปัจจัย ดังนี้
The site and location of this project have several limitation conditions for the building design. It is located as part of an open-air concrete piling factory which operates 24 hr. The land is parallel to the superhighway that has 12 lanes. It is a situation that sandwich between the express highway and the factory production plant. Living among noise pollution from both sides is a critical factor that designers must consider significant. Moreover, the geometry of the site is rectangular shape. The longest side of the land is the East and the West orientation. Therefore the sun path is along the most extended area of the building. Since the building is part of the factory ground, the plot needs green space to support a comfortable human living condition. Therefore, this project focuses on design, considering three focus points: reducing noise pollution, finding the appropriate tropical design, direct sun path, and increasing the green volume by blending into several pathways inside the building. The simplicity of the façade derives from the prefabrication of concrete plates as the primary material on the façade design. It could pull out the strong character of the owner company as being the concrete solution company. The application of pattern and modular on the façade would spell the concept of simple design. The expression of being “humble” and fit the context of being a concrete factory is critical. However, once the user gets inside the building into the residential zone located on the 4th, 5th, and 6th Floor, there is an unveiling of unexpected living experiences with “home perception.” As “the typically home living that takes place on ground” could have a perception, inside this residential zone has as well. It is a hiding dimension that only the family member could experience as “an oasis of living” in the heart of factory ground.
ผลงานออกแบบชิ้นนี้ผู้ออกแบบต้องการสร้างภาวะอยู่สบายให้ผู้ใช้อาคาร จากการสร้างพื้นที่บังเงาอาคารด้วยแผงกันแดด เพื่อลดการแผ่รังสีความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร และการเว้นช่องกลางอาคารเพื่อเพิ่มพื้นที่ของช่องเปิด สำหรับการได้รับลมและแสงธรรมชาติ ทั้งสองหัวข้อหลักเป็นการใช้แนวความคิดในการออกแบบ สร้างสมดุลการใช้พื้นที่ภายในและภายนอกอาคาร ภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่ที่ตั้งที่อยู่ริมถนนทางหลวง ในเขตโรงงานอุตสาหกรรม มีมลภาวะทางเสียงและมลภาวะทางอากาศ เนื่องจากผู้ออกแบบต้องการที่จะให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศในเขตร้อนชื้นของประเทศไทย ในความเรียบง่ายตรงไปตรงมาของรูปลักษณ์อาคารภายนอก จะแฝงความเป็นธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ภายในใจกลางอาคาร
To create a building that suits the tropical climate of Thailand, shading and natural ventilation are the two main focuses. However, this particular project has another problematic factor in dealing with, which is the location. The project site parallel with the superhighway in the industries zone has a high noise and air pollution level. Therefore, the appropriate solution for the design is trying to block out all kinds of pollutions by using the concrete slab shading-devise, which covers over 90.2% of the façade that facing the main road. On the other hand, the center of the building has a natural courtyard to increase the daylight and natural ventilation. Moreover, the straightforward simplicity of the exterior of the building would create the unexpected nature atmosphere hidden in the center of the building.
การดำเนินการออกแบบทั้งหมดเป็นการพยายามแก้ปัญหา และทำลายข้อจำกัดในการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ดังนี้
“สร้างอาคารที่ขวางตะวัน จะสร้างภาวะอยู่สบายได้อย่างไร” ในกรณีนี้คือลักษณะอาคารจะเป็นแนวยาวตามทิศตะวันออกและตะวันตก งานออกแบบที่ได้จะเป็นอาคารที่ขวางแนวเส้นทางของพระอาทิตย์ ทำให้อาคารมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากการถ่ายเทความร้อนของผนังด้านที่ยาวที่สุดของอาคาร จากผิวอาคารภายนอกเข้าสู่ภายใน
ภาพที่ 1 : แผนที่ตั้งของโครงการอยู่ริมทางหลวงถนนสุขุมวิท
“การทำให้บ้านมีความเป็น ‘บ้าน’ ได้อย่างไรในอาคารสำนักงานของโรงงานอุตสาหกรรม” ตัวแปรในเรื่องแสงธรรมชาติสำหรับพื้นที่ของครอบครัวผสมกับการใช้วัสดุ จะสามารถนำไปสู่งานออกแบบที่สร้างความอบอุ่นและความเป็น “บ้าน” .ในชั้นที่ 4 – 6 ได้อย่างไร เนื่องจากไม่มีส่วนของพื้นที่พักอาศัยที่อยู่บนพื้นดิน จากโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ร่วมกับอาคารสำนักงานในชั้นที่ 1-3 ด้านล่าง
ข้อจำกัดในการออกแบบเกิดจากลักษณะที่ดินที่มีขนาดยาวและแคบ โดยความยาวนั้นขนานไปตามความยาวของถนนทางหลวงที่มีทั้งมลภาวะทางอากาศสูง และเสียงดังจากรถที่สัญจรไปมา นอกจากนี้ ขนาดที่ดินมีด้านที่ยาวที่สุดคือทิศตะวันออกและตะวันตก ทำให้เมื่อสร้างอาคารจะมีผนังส่วนใหญ่ของอาคารได้รับแดดที่มีอุณหภูมิสูงตลอดทั้งวัน ปัญหาข้อจำกัดของพื้นที่ ตามความต้องการของผู้ใช้อาคารที่เป็นอาคารสำนักงานในส่วนชั้นล่าง และพักอาศัยในส่วนชั้นบนที่ไม่สามารถมีพื้นที่สีเขียวเพียงพอกับการสร้างภาวะอยู่สบายให้กับผู้ใช้อาคาร
“Unfolded an unexpected experience inside the simplicity of mass and form”
แนวความคิดในการสร้างสถาปัตยกรรมที่มีความเรียบง่าย กลมกลืนไปกับบริบทโดยรอบที่มีความเป็นอุตสาหกรรม เป็นโรงงานผลิตเสาเข็มที่ดำเนินการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อเข้ามาภายในของอาคารจะซ่อนความอบอุ่น ความเป็นธรรมชาติที่ผู้ใช้อาคารไม่สามารถคาดเดาได้จากรูปทรงภายนอกอาคาร
รูปด้านอาคาร และรูปแบบแผงกันแดดที่พัฒนา:
จากข้อมูลวิเคราะห์ simulation ในขั้นต้น แบบพัฒนารอบสุดท้าย โดยการพัฒนาให้มีการปิดทึบของแผงกันแดด 90% ไปประมวลผลเป็นรูปแบบแผงกันแดดจริงในการทำแบบก่อสร้าง เพื่อให้แผงกันแดดทำหน้าที่ป้องกันการแผ่รังสีความร้อนเข้าภายในอาคาร และเป็นส่วนที่ช่วยกรองแสงธรรมชาติที่เหมาะสมกับอาคาร สำหรับผิวอาคารในด้านตะวันออกและตะวันตก
นอกจากนี้มีการเพิ่มแผงกันแดดอะลูมิเนียม คอมโพสิต ที่สามารถปรับองศาได้ในส่วนของพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องประชุมใหญ่ และห้องนอนใหญ่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการปรับองศาของแสงอาทิตย์ และการปรับวิสัยทัศน์ในการมองทัศนียภาพออกไปด้านนอกอาคาร ให้ผู้ใช้อาคารได้สามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการได้
ภาพที่ 4 : รูปด้านการใช้แผงกันแดดของอาคารทิศตะวันตก
ภาพที่ 5 : รูปด้านการใช้แผงกันแดดของอาคารทิศใต้ และ ทิศเหนือ
ภาพที่ 6 : แสดงการใช้แผงกันแดดในทิศตะวันออก
การเติมแสงธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียวในการสร้างพื้นที่สีเขียว
เนื่องจากที่ดินมีข้อจำกัดในการทำพื้นที่สีเขียวที่เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัย ดังนั้น ผู้ออกแบบได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบริเวณต่างๆ ของอาคารตามแนวตัดของอาคาร โดยแบ่งเป็น 3 บริเวณ คือ สวนระเบียงชั้น 4, สวนใจกลางอาคาร และสระว่ายน้ำชั้น 5, สวนดาดฟ้าที่ชั้น 6
ภาพที่ 7 : แบบจำลองรูปตัดอาคารแสดงพื้นที่สีเขียวและสระว่ายน้ำ บริเวณกลางอาคารที่ชั้น 5
แบบจำลองแสดงภายในอาคารตามแนวตัด มีการจัดเตรียมพื้นที่สีเขียวในรูปแบบต่างๆ สอดแทรกในอาคารตามแนวตั้ง เช่น สวนกลางอาคารที่มีความลึกของดิน 2.50 เมตร เพื่อการปลูกต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สำหรับสระว่ายน้ำที่ชั้น 5 จะเป็นการซ้อนสระน้ำเป็น 2 ชั้นเพื่อป้องกั้นการรั่วซึม โดยพื้นที่ที่เหลือคือห้องเครื่องควบคุมระบบน้ำของอาคาร
ภาพที่ 11 : รูปตัดแนวยาวของอาคาร
ภาพที่ 12 : รูปด้านของอาคาร
ภาพที่ 13 : ภาพถ่ายกลางคืนด้านหน้าอาคารที่อยู่ริมถนน เพื่อเก็บศึกษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อาคาร ที่จากมุมมองด้านหน้าอาคารไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
ภาพที่ 14 : รายละเอียดการใช้แผงกันแดดทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ผลงานที่ดีจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าเจ้าของโครงการไม่ยินยอม หรือไม่มีความเชื่อในผู้ออกแบบ งานออกแบบอาคารนี้ มีการใช้ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากภาษาที่คุ้นชินในสังคม ผู้ออกแบบต้องการให้เปลือกอาคารภายนอกเป็นการแก้ปัญหาในเชิงเทคนิคทางด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม - Environmental Technology Design Approach แต่การจัดวางพื้นที่เป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อความเป็นอยู่ในมิติของมนุษย์และความสัมพันธ์ของครอบครัว - Space programming in human Approach อาคารหลังนี้มีรูปทรงและสัดส่วนที่ชัดเจนภายนอก กล่าวคือ มี “รูปลักษณ์อาคารที่แข็ง ตรงไปตรงมา เมื่อมองจากภายนอก” ผลสืบเนื่องจากการออกแบบตอบสนองโจทย์ทางด้านเทคโนโลยีอาคาร แต่เมื่อผู้ใช้อาคารได้เข้ามาพื้นที่ภายใน จะสัมผัสได้ถึง “ความอบอุ่น สบายตา ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภายใน” ที่เกิดจากการสร้างผลงานที่มุ่งให้เกิดพื้นที่แสดงถึงความอบอุ่น ความเป็น”บ้านพักอาศัย”
ประโยชน์ที่ได้จากการออกแบบต่อสถาปนิกคือ เป็นการทำงานที่สามารถยกระดับวิชาชีพ โดยผู้ออกแบบ ได้รับความไว้วางใจให้ออกแบบทั้งงานสถาปัตยกรรมภายนอก งานตกแต่งภายใน การจัดวางจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ และออกแบบภูมิทัศน์ งานที่ครบทุกองค์ความรู้แบบสมบูรณ์เช่นนี้เป็นงานที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง นับเป็นความโชคดีอย่างสูงสุดของผู้ออกแบบที่ได้มีโอกาสสร้างสรรค์งานนี้ โดยประโยชน์ที่สะท้อนกลับไปที่เจ้าของอาคาร คือการสร้างภาวะอยู่สบายอย่างยั่งยืน มีสมดุลที่ดีกับการอยู่กับธรรมชาติ มีสมดุลที่ดีของชีวิตสามารถลดชั่วโมงในการเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงาน ภายใต้สภาวะข้อจำกัดเดิมของพื้นที่ตั้ง ที่ในเบื้องต้นเหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ทำงานอย่างเดียว ไม่เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่พักอาศัย
ผลจากการออกแบบสามารถแบ่งเป็นพื้นที่หลักได้ 3 พื้นที่ดังนี้
ภาพที่ 15 : แสงและธรรมชาติที่มองเห็นได้จากห้องนอนชั้น 6
ภาพที่ 16 : สระว่ายน้ำขนานไปกับห้องครัวและห้องออกกำลังที่ชั้น 5
ภาพที่ 17 : บริเวณห้องพักผ่อนที่มีการใช้แผงกันแดดแบบปรับองศาได้
ภาพที่ 18 : สวนบนระเบียงชั้น 4 และ พื้นที่โถงรับรองแขก
ปัญหาหลักจะเกิดจากข้อจำกัดของพื้นที่ ทำให้ผู้ออกแบบนำเอาองค์ประกอบต่างๆ ที่ควรจะอยู่บนดิน หรืออยู่รอบนอกอาคารมาไว้ในอาคาร เช่น พื้นที่สีเขียว และสระว่ายน้ำ
มิติที่ทับซ้อนกันในการออกแบบและการก่อสร้างของอาคารนี้ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าไม่ได้รับการยินยอมและสนับสนุนจากเจ้าของอาคาร คือ ครอบครัวตั้งตระกูลเจริญ เป็นผู้จ้างงานที่มีความเข้าใจ วางใจให้ผู้ออกแบบได้ใช้วิชาความรู้อย่างเต็มความสามารถ ผลที่ได้ทั้งหมดเป็นเพราะความใจกว้าง เปิดรับความคิดที่นำเสนอโดยสถาปนิก งานที่ดีที่จะเกิดขึ้นได้นั้น มีปัจจัยที่เป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดคือเจ้าของโครงการ
ผลงานนี้คือการรวมกันระหว่างองค์ความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพของการสร้างสรรค์ผลงานทางสถาปัตยกรรม เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การตั้งสมมุติฐาน การวิจัย การทดสอบ เปรียบเทียบความเป็นไปได้ต่างๆในขั้นตอนการออกแบบ นำมาประสานกับองค์ความรู้ทางวิชาชีพออกแบบสถาปัตยกรรมและการบริหารจัดการการก่อสร้าง ตลอดระยะเวลา 4 ปี จนโครงการแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์